อาชีพ ของ หวัง อี้ (นักการเมือง)

อาชีพช่วงต้น

เมื่อสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย หวังถูกส่งไปยังกองกิจการเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศโดยพ่อตาของเขา ซึ่งเขาเริ่มอาชีพการงานในฐานะนักการทูต ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1989 เขาถูกส่งไปยังสถานทูตจีนในญี่ปุ่นและรับราชการที่นั่นเป็นเวลาห้าปี เมื่อเขาเดินทางกลับจีนในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1994 หวังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองหัวหน้ากองกิจการเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศและได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้ากองในปีถัดมา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1997 ถึงกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 หวัง เป็นวิทยากรรับเชิญที่สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในสหรัฐอเมริกา ไม่นานหลังจากที่เขากลับมา เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีและผู้อำนวยการสำนักวิจัยนโยบาย ตั้งแต่กันยายน ค.ศ. 1999 หวังเรียนต่อด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ China Foreign Affairs University และได้รับปริญญาเอก ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 หวังได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบงานกิจการเอเชีย เขาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการที่อายุน้อยที่สุด

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2004 หวังได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศญี่ปุ่น เขาดำรงตำแหน่งนี้จนถึงเดือนกันยายน ค.ศ. 2007 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2008 หวังรับตำแหน่งต่อจาก เฉิน ยุนหลิน ในตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานกิจการไต้หวัน ของ คณะมนตรีรัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีน[4]

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

แต่งตั้ง

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2013 หวังได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหลังจากที่เขาได้รับอนุมัติจาก สภาประชาชนแห่งชาติ[5]

การเจรจาสันติภาพ

หวังเริ่มการเยือนตะวันออกกลางครั้งสำคัญในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2013 เพื่อไปเยือนอิสราเอลและปาเลสไตน์ เขาหารือกับผู้นำของทั้งสองประเทศถึงความสำคัญของข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านและความสำคัญของการเจรจาสันติภาพอย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวว่า "สงครามไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ความรุนแรงเพิ่มความเกลียดชัง การเจรจาสันติภาพเป็นหนทางเดียวที่เหมาะสม"